ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
ข่าวไอที
 

นักวิทยาศาสตร์แนะ "การกินเนื้อมนุษย์" เป็นหนทางต่อสู้กับสภาวะโลกร้อนจริงหรือ?

นักวิทยาศาสตร์แนะ

เมื่อ :
|  ผู้เข้าชม : 4,982
เขียนโดย :
0 %E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0+%22%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%22+%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%3F
A- A+
แชร์หน้าเว็บนี้ :

สามัญสำนึกคนทั่วไปนั้นรู้กันอยู่แล้วว่ามนุษย์ไม่ใช่อาหารและไม่ควรกิน ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม มันเป็นสิ่งที่ผิดทางด้านจริยธรรมและสังคมไม่อาจจะยอมรับได้

แต่เมื่อไม่นานมานี้มีแนวความคิดแปลกๆ เกิดขึ้นที่งานประชุม Gastro Summit โดยนักวิทยาศาสตร์นามว่า Magnus Soderlund ได้เสนอ วิธีการรับมือกับปัญหาสภาวะโลกร้อนแบบใหม่ ที่เราไม่คาดคิด นั่นคือ

"การกินเนื้อมนุษย์"

นักวิทยาศาสตร์แนะ "การกินเนื้อมนุษย์" เป็นหนทางต่อสู้กับสภาวะโลกร้อนจริงหรือ?

(ภาพสำหรับประกอบบทความเท่านั้น)

รู้ว่าการกินมนุษย์มันไม่ควรแต่ทำไมนักวิทยาศาสตร์ถึงให้เสนอทางออกนี้ มันจะช่วยโลกได้อย่างไร เรามาดูเหตุผลกัน

ใน 1 ปี จะมีคนรอบโลกตาย ราวๆ 55 ล้านคน ซึ่งร่างกายคนจะมีคาร์บอน 18% ยกตัวอย่างเช่นคนหนัก 60 กิโล จะมีคาร์บอนเพียวๆ 10 กิโลกรัม และเมื่อตายไป 40 กิโลที่เหลือจะกลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) นั่นหมายความว่า

"คนตาย 55 ล้านคน = ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 2.2Gt (2.2 พันล้านตัน)"

จำนวนดังกล่าวเท่ากับ 6.7% ของปริมาณ​ CO2 ทั้งหมดในโลก หรือ เทียบเป็นปริมาณควันเสียรถยนต์ก็จะได้ ราวๆ 440 ล้านคัน ไม่คิดว่าการที่มนุษย์เสียชีวิตจะผลิตก๊าซได้มากขนาดนี้

จากตัวอย่างความคิดที่ได้เห็นนี้เป็นเพียงแค่ความคิดที่เปิดกว้าง เพราะจริงๆ แล้วไม่อาจจะทำได้ เขาบอกว่าการกินเนื้อมนุษย์ (Cannibalism) มันเป็นประเพณีต้องห้าม แต่เขาก็ยังเชื่อว่าถ้าหากผู้คนได้ลองและกาลเวลาทำให้สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปบางทีการกระตุ้นความคิดนี้ อาจจะช่วยมนุษยชาติได้ในอนาคต


ผลข้างเคียง

นักวิทยาศาสตร์แนะ "การกินเนื้อมนุษย์" เป็นหนทางต่อสู้กับสภาวะโลกร้อนจริงหรือ?

ขอบคุณรูปภาพจาก : Shirley Lindenbaum

ก่อนจะถึงอนาคตเรามาดูประวัติศาสตร์กันก่อนเพราะการกินเนื้อมนุษย์มีผลข้างเคียง มีชนเผ่านึงในประเทศ​ปาปัวนิวกินีมีประเพณีกินเนื้อพวกเดียวกันและสมอง (คนที่ตายแล้ว) ต่อมาได้มีการแพร่ระบาดของโรคขั้นรุนแรงมีชื่อว่า Kuru เมื่อติดเชื้อจะมีอาการสั่น ควบคุมร่างกายไม่ได้และตายในที่สุด

และจากการอ้างอิงทาง US National Library of Medicine พบว่าโรคแพร่ระบาดนี้มันเกิดจากโปรตีนพรีออน (Prion) ที่มีอยู่ในเยื่อหุ้มสมองมนุษย์ มีคนตายจำนวนมากจากเหตุการณ์นี้ จนสุดท้ายประเพณีการกินในรูปแบบนี้ก็ได้ยุติไปในปี 1960 เพื่อเป็นการลดการเกิดโรคติดต่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ซึ่งถ้าหากความคิดในการกินมนุษย์เพื่อลดโลกร้อนถูกใช้ขึ้นจริง ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์โรคแพร่ระบาดเช่นนี้อีกก็เป็นได้ ดังนั้นเรามาดูทางเลือกอื่นๆ กัน


ทางเลือกอื่นๆ

เอาจริงๆ ทางเลือกอื่นๆ ในการลดมลภาวะและก๊าซคาร์บอน ก็มีให้เลือกอีกตั้งมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

  • นำศพของมนุษย์ที่ตายแล้วไปฝังเปลี่ยนเป็นปุ๋ยธรรมชาติ แทนการเผาเพื่อไม่ให้เกิดมลพิษซ้ำซ้อน
  • ทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลงหันมาทานผักมากขึ้น ลดกระบวนการเลี้ยงและฆ่าสัตว์ทำให้เกิดมลพิษน้อยลง
  • บริจาคร่างกายและอวัยวะ เป็นประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น รักษา หรือต่ออายุให้ผู้อื่นมีชีวิตต่อไป ไม่ตายเปล่า
  • ลดการใช้ถุงพลาสติกใช้ถุงผ้าแทน ลดปัญหาขยะ และมลพิษที่จะทำให้ธรรมชาติเสื่อมโทรม
  • ร่วมมือกันปลูกต้นไม้มากขึ้น ทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็ลดลง แถมโลกอยู่ได้นานขึ้น

และนี่ก็เป็นหนทางออกอื่นๆ ที่เรายังทำได้ในขณะที่ยังมีชีวิต เพราะจำนวนประชากรมนุษย์โลกนั้นมีมากกว่าจำนวนคนตาย ไม่ต้องรอตายแล้วค่อยลดก๊าซคาร์บอน เพราะถ้าเราหันมาสนใจเรื่องรอบๆ ตัวกันมากขึ้น พวกเราทุกคนก็จะสามารถแก้ไขและก้าวข้ามปัญหานี้ไปด้วยกันอย่างยั่งยืน


ที่มา : nypost.com , thenypost.files.wordpress.com , th.wikipedia.org , www.theguardian.com , th.wikipedia.org , joannenova.com.au , www.ucsusa.org , futurism.com , www.visualcapitalist.com


0 %E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0+%22%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%22+%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%3F
แชร์หน้าเว็บนี้ :
Keyword คำสำคัญ »
เขียนโดย
ระดับผู้ดูแล : Moderator    สมาชิก
It was just an ordinary day.
 
 
 

ข่าวไอทีที่เกี่ยวข้อง

 


 

แสดงความคิดเห็น