การได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ เป็นส่วนสำคัญในการมีสุขภาพที่ดี อารมณ์ที่ดี รวมถึงคุณภาพชีวิตที่ดี และมีหลายๆ เมืองทั่วโลกที่ไม่ได้รับแสงแดด หรือได้รับแสงแดดเพียงน้อยนิดตลอดทั้งปี ทำให้ประชากรในเมืองเกิดอาการขาดวิตามิน D ที่มีส่วนสำคัญกับสุขภาพของเรา และในทางตรงข้าม การอาศัยอยู่ในเมืองที่บรรยากาศสลัวๆ อย่างยาวนาน ทำให้ประชากรมีอาการซึมเศร้า ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงได้แสวงหาโอกาสที่จะได้ย้ายไปอยู่ หรือไปเที่ยวในเมืองที่มีสภาพอากาศอบอุ่นและมีแสงแดด แต่ก็มีเมืองอยู่จำนวนหนึ่งบนโลกใบนี้ ที่ผู้คนไม่ได้เห็นแสงแดดเป็นระยะเวลายาวนานหลายเดือนในแต่ละปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเหล่าชาวเมืองไม่ต้องการแสงแดดแต่อย่างไร และพวกเขารอคอยอย่างอดทนจนกว่าจะถึงช่วงเวลาที่แสงแดดมาเยือน
ขอบคุณภาพประกอบจากคุณ @Rowie / Tripadvisor
ในเมือง Rjukan มีประชากรราวๆ 3,386 คน และชื่อเมืองก็มาจากน้ำตก Rjukan Falls ที่มีความสูง 104 เมตร และเป็นน้ำตกที่ใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เป็นปริมาณมาก
ขอบคุณภาพประกอบจาก Visitnorway
ในระหว่างช่วงเดือน ธันวาคม และ มกราคม หลายๆ เมืองในประเทศนอร์เวย์ มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า ดวงอาทิตย์เที่ยงคืน ที่ทำให้เห็นดวงอาทิตย์ได้แม้ในเวลากลางคืน แต่เมือง Rjukan คือข้อยกเว้น ด้วยความที่เมืองโดนล้อมรอบด้วยภูเขาสูง ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ไม่สามารถส่องลงมาที่เมืองนี้ได้ตรงๆ
ขอบคุณภาพประกอบจาก Visitnorway
ขอบคุณภาพประกอบจาก Tripadvisor
ขอบคุณภาพประกอบจากคุณ @Vibeke B / Tripadvisor
และจากการสัมภาษณ์ชาวเมืองคนหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังว่าชาวเมือง Rjukan คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่โดยไร้แสงแดด "เมื่อไม่เคยได้รับแสงแดดแบบจริงๆ จัง คุณก็จะเลิกคิดถึงมัน แต่เมื่อมีสิ่งนี้เกิดขึ้นมา มันทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น ไม่ใช่เพียงแค่อบอุ่นร่างกาย แต่มันอบอุ่นไปถึงหัวใจ"
ไอเดียนี้เคยถูกวิจารณ์อย่างหนัก มันถูกเรียกว่าเป็นของเล่น และขยะที่ต้องลงทุนมหาศาล เพียงเพื่อการสร้างความสว่างให้กับเมืองได้เพียงเล็กน้อย
ขอบคุณภาพประกอบจาก Visitnorway
แต่ถึงจะมีเสียงวิจารณ์มากมาย แต่ชาวเมืองก็ตระหนักดีว่า ไอเดียนี้ไม่เพียงแค่นำพาแสงแดดมาสู่เมืองเท่านั้น แต่ยังอาจจะเป็นลูกเล่นที่ช่วยให้เมืองนีัโดดเด่นขึ้นมาในสายตานักท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับเมือง
ขอบคุณภาพประกอบจาก Visitnorway
ไอเดียเรื่องการสร้างดวงอาทิตย์จำลอง ได้ถูกนำเสนอครั้งแรกในปี 1913 โดยคุณ Sam Eyde ที่เป็นผู้ก่อตั้งเมือง เขาเข้าใจความสำคัญของแสงแดด และพยายามที่จะสร้างกระจกสะท้องแสงแดด แต่โชคไม่ดีที่เขาทำไม่สำเร็จ และไอเดียนี้ได้ถูกหยิบมาทำอีกครั้งในปี 2005 โดยคุณ Martin Andersen ผู้ซึ่งเป็นทั้งศิลปินและชาวเมือง Rjukan และในปี 2013 ชุดกระจกสะท้อนแสงแดดก็ได้รับการติดตั้งเป็นที่เรียบร้อย เป็นไอเดียที่มีอายุยาวนานถึง 100 ปีกว่าที่จะถูกนำมาใช้งานจริง
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |