การมี ครอบครัว อาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการมีชีวิต เพราะโลกเรานั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวเลวร้ายมากมาย ทำให้แทบจะทุกคนต้องการความรักหรือแรงสนับสนุนจากใครสักคน แต่น่าเสียดาย ที่เด็กบางคนไม่ได้รับความรักจากครอบครัวในช่วงวัยที่เติบโต เด็กบางคนเติบโตมาในครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น ในครอบครัวที่ไม่ได้ต้องการเขา และประสบการณ์แย่ๆ ในวัยเด็กเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง และรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า นี่เป็นเหตุผลที่ว่าเด็กที่ขาดแคลนโอกาสในการที่จะมีครอบครัวที่อบอุ่นควรจะได้รับการอุปการะจากผู้ปกครองใจดี ที่หยิบยื่นโอกาสที่จะได้มีครอบครัวที่อบอุ่นให้กับเด็กๆ
คุณพ่อ 2 คน และลูกชายของเขา
สื่อ Bored Panda ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ กับคุณพ่อทั้งสอง เกี่ยวกับเรื่องราวการรับอุปการะเด็กชาย โดยมีเนื้อหาดังนี้ "Gregg และ ผม เจอกันในเดือนตุลา 2012 และเดทแรกของเราเป็นการกินมื้อเย็น และดูหนัง และหลังจากที่ออกเดทกัน 3 เดือน ผมก็ย้ายไปอยู่ที่ รัฐโรดไอแลนด์ (Rhode Island) สหรัฐอเมริกา เพื่อไปอยู่ที่บ้านของ Gregg และหลังจากนั้นอีก 2-3 เดือน เราก็เริ่มพูดคุยเรื่องการเป็นพ่อ และการอุปการะเด็ก แต่ด้วยความที่เป็นคู่รักชาย-ชาย มันเลยเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนัก เราพูดคุยถึงเรื่องการ อุ้มบุญ* กันอย่างจริงจัง เราลองศึกษาเกี่ยวกับมัน และพบว่ามีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากมาย เราเลยตัดสินใจว่าแทนที่จะใช้วิธีอุ้มบุญ เราสามารถใช้เงินจำนวนเดียวกันนี้ ทำให้ชีวิตของเด็กคนหนึ่งดีขึ้นมาได้โดยการรับอุปการะ"
***การอุ้มบุญ (surrogacy) เป็นการยืมมดลูกหญิงอื่นเพื่อตั้งครรภ์แทน ใช้ในกรณีที่ผู้มีความประสงค์จะมีบุตรแต่ไม่สามารถตั้งท้องเองได้
"เราพบว่า รัฐโรดไอแลนด์ มีโครงการนำร่องที่มีชื่อว่า Become an Anchor มีระบบที่สามารถค้นหาได้อย่างรวดเร็ว ว่าใครที่ต้องการ อุปการะ/รับการอุปการะ และในช่วงสุดสัปดาห์ เราก็ผ่านการอบรมคัดเลือกเพื่อเป็นผู้อุปการะ ซึ่งการอบรมเริ่มในคืนวันศุกร์ และใช้เวลาอบรมทั้งสิ้น 26 ชั่วโมง เราได้เรียนรู้ทุกอย่างรวมถึงกฎหมายของรัฐที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เราหัวเราะ และร้องไห้หลายครั้ง เมื่อได้รับฟังเรื่องราวชีวิตของเด็กๆ ที่ไม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว เราได้เจอกับผู้คนที่พิเศษมากมาย ท้ายที่สุด เรานัดหมายกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้พวกเขาเข้ามาตรวจสอบความปลอดภัย และสภาพบ้านของเรา รวมถึงการเลือกตัวแทนที่จะดูแลเรื่องการรับอุปการะเด็กให้กับเรา และจากที่ต้องตรวจสอบและกรอกเอกสารมากมาย ในที่สุดเราก็พร้อมสำหรับการรับอุปการะ"
คุณ Paul กล่าวว่า สิ่งที่รบกวนจิตใจเราอย่างมากคือ ตัวแทนรับอุปการะเด็ก ได้จับคู่เราเข้ากับเด็ก 5 คนที่เชื่อว่าเหมาะกับเรามากที่สุด และให้เราเลือก "เราค่อนข้างรู้สึกว่าประสบการณ์นี้มันเหนือจริง กับการที่ต้องเลือกเด็กสักคน และเราไม่ค่อยมั่นใจว่าวิธีการแบบนี้จะให้ผลลัพธ์ออกมาดี"
"เด็กในตัวเลือกแรกคือ Gavin เขาผ่านประสบการณ์ร้ายๆ ในวัยเด็กมามากมาย เราได้รับการบอกเล่าว่า Gavin อาจเป็นเด็กที่ดูแลยากและต้องการเวลาในการดูแลเขาอย่างมาก ต้องการความเอาใจใส่ และต้องการความเสียสละของพวกเราอย่างมาก และเราก็ได้รับรู้เรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ของเด็กที่เป็นตัวเลือกอีก 4 คน แต่เรื่องราวของ Gavin สะกิดใจและฝังอยู่ในหัวของผม และไม่อาจลบลืมมันไปได้เลย"
เมื่อพวกเราได้แชร์เรื่องราวการรับอุปการะ Gavin สู่โลกออนไลน์ Paul บอกว่าแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อได้รับคอมเมนต์แง่บวกมากมาย "ตกใจ ติดใจ ถ่อมตัว และภูมิใจ เรามีเสื้อยืดที่ออกแบบมาสำหรับเรา 3 คนพ่อลูก เพราะคิดว่ามันตลกและน่ารักดี เราได้รู้จักกับหลายๆ ครอบครัวที่รับอุปการะเด็กเช่นกัน และเราจะพา Gavin ไปเที่ยวที่สวนสนุก Disney อย่างไรก็ดี พวกเราได้รับคอมเมนต์แปลกๆ และคอมเมนต์แง่ลบมากมาย ซึ่งเราไม่อยากจะนำมาใส่ใจ ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนใจในสิ่งที่เราเลือกทำลงไป และเราคิดว่ามีเด็กหลายๆ คนที่สับสนกับเพศที่แท้จริงของตัวเอง หรือรู้สึกสับสนที่มีผู้ปกครองเป็นเพศเดียวกัน ทำให้รู้สึกว่าการเป็นคนรักร่วมเพศ ไม่สามารถรับอุปการะเด็กได้ แต่พวกเราบอกเลยว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ และไม่มีอะไรเลยที่ต้องอับอาย"
และต่อไปนี้เป็นคลิปวิดีโอของ 3 คนพ่อแม่ลูก ที่จะละลายหัวใจของคุณได้อย่างแน่นอน
|
ไม่เสพติดไอที แต่ชอบเสพข่าวเทคโนโลยี หาความรู้ใหม่ๆ มาใส่สมอง |