ขอบคุณภาพประกอบจาก ar130405 @pixabay
จากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ตำรวจบุกบ้านหลังหนึ่งที่กำลังมีพิธีฝังศพ ในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เพื่อใช้นิ้วมือของผู้ตายปลดล็อกโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการหาหลักฐานประกอบการสอบสวนคดี ทำให้เกิดคำถามตามมาทั้งความถูกต้องและความเหมาะสม
โดยชายผู้ตายซึ่งมีอายุ 30 ปี ชื่อว่า Linus Phillip ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจของเมือง Largo ยิงเสียชีวิต หลังจากพยายามขับรถหลบหนี ก่อนเจ้าหน้าที่จะตามหาตัวเจอ อย่างไรก็ตาม หลังจากนักสืบ 2 คน นำมือของผู้ตายมาแตะที่เซ็นเซอร์ตรวจจับลายนิ้วมือบนโทรศัพท์ กลับพบว่าไม่สามารถปลดล็อกได้
ขณะที่ Victoria Armstrong ซึ่งเป็นคู่หมั้นของผู้ตาย เผยความรู้สึกว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิ์และไม่เคารพผู้ตาย และแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายส่วนใหญ่จะเห็นด้วยว่าสิ่งที่นักสืบทำนั้นเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย แต่ก็อดตั้งคำถามไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่
ส่วนข้อสงสัยที่ว่าเหตุใดลายนิ้วมือของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วจึงไม่สามารถปลดล็อกมือถือได้ Anil Jain อาจารย์ด้านวิศวกรรมและวิทยาการคอมพิวเตอร์ เผยกับเว็บไซต์ข่าววิทยาศาสตร์ Live Science ว่าเป็นเพราะการระบุตัวตนด้วยลายนิ้วมือบนสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะทำงานผ่านการนำไฟฟ้า (Electrical Conductance) ซึ่งทุกคนล้วนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ในร่างกายกันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่เสียชีวิตไปแล้ว การไหลเวียนของกระแสไฟฟ้าจะสิ้นสุดลง และไม่สามารถแลกเปลี่ยนกระแสไฟฟ้ากับตัวสแกนลายนิ้วมือได้
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังคงไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าร่างกายของผู้ตายจะไม่มีสื่อนำไฟฟ้าหลังจากเสียชีวิตไปนานเพียงใด ซึ่งหากต้องการทราบคำตอบในเรื่องนี้ Jain ระบุว่าคงต้องใช้ศพคนตายจำนวนมาก เพื่อมาพิสูจน์การปลดล็อกโทรศัพท์ด้วยลายนิ้วมือกันทุกชั่วโมงหลังจากที่เขาตาย หรือไม่เช่นนั้น ก็ต้องมีใครอาสาเข้าไปอยู่ห้องเก็บศพ เพื่อทดสอบการสแกนลายนิ้วมืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากเช่นกัน
|